ส่วนต่าง ๆ ของคำ (Part of Speech)
ชนิดของคำในกาษาอังกฤษ เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 8 ชนิด คือ
1. คำนาม (Noun) คือ คำที่เราใช้เรียกชื่อคน, สัตว์, สิ่งของและสถานที่ เช่น
คน (People) = Man, Women, Mark
สัตว์ (Animals) = Cow, Dog, Tiger
สิ่งของ (Things) =
Book, Table, Car
สถานที่ (Place) =
School, Zoo, Hospital
2.
คำสรรพนาม (Pronoun) คือ คำที่เราใช้แทนคำนาม (Noun) เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องพูดคำนามนั้นบ่อย
ๆ อย่างเช่น John is learning English เราสามารถใช้คำสรรพนาม “He” แทนชื่อ John ได้ เราก็จะได้ประโยคว่า He
is learning English และคำสรรพนามที่เราใช้กันอยู่คือ I,
you, we, they, he she, it , who, that เป็นต้น
3.
คำคุณศัพท์ (Adjective) คือ คำที่เราใช้เป็นคำที่มาขยายนาม
เพื่อให้ประโยคของเรานั้นได้ใจความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นประโยคที่ว่า He
has a red rose. “red” เป็นคำคุณศัพท์ที่เรานำมาขยายคำนาม คือ “rose” เพื่อที่ว่าเราจะได้ทราบแน่ชัดว่า เขามีดอกกุหลบสีไหน นั่นก็คือ
เขามีดอกกุหลาบสีแดงนั่นเอง
และคำที่รำมาขยายคำนามนั้นจะต้องเป็นคำคุณศัพท์เสมอและต้องมาวางไว้หน้าคำนาม เช่น good
girl, “good” เป็น Adjective ที่เรานำมาวางหน้าคำนาม girl
4.
คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) เป็นคำที่มีหน้าที่ขยาย Verb(กริยา)
เช่นเดียวกับคำ Adjective(คำคุณศัพท์)
ที่มีหน้าที่ขยายคำนาม เพื่อที่ว่าเราจะได้ใจความของประโยคที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ Adverb ไม่ได้มีหน้าที่ขยายคำกริยาอย่างเดียว แต่มีหน้าที่ขยายคำ Adjective(คำคุณศัพท์), Preposition(คำบุพบท), และ Conjunction(คำสันธาน) ด้วย
5.
กริยา (Verb) เป็นคำที่เราใช้บอกการกระทำหรือการเคลื่อนไหวของคำนามหรือสรรพนามที่เรานำมาเป็นประธานของประโยค
คำกริยาจะบอกถึงการกระทำ คำสั่งหรือคำถามของประโยคนั้น ๆ เช่น That
cat jumps. แมวตัวนั้นกระโดด “That cat” เป็นประธานของประโยค ส่วนคำว่า jump นั้นเป็นกริยาของประโยค
6.
คำบุพบท (Preposition) เป็นคำที่เราใช้เชื่อมคำต่าง ๆ เข้าด้วยกันในประโยค
โดยเราสามารถใช้เชื่อมคำนามกับคำนาม หรือ คำนามกับคำกริยาก็ได้
เรานำคำบุพบทมาใช้เพื่อบอกความสัมพันธ์ของคำในประโยค เช่น เพื่อใช้บอกทิศทาง,
ตำแหน่ง, สถานที่, เวลา,
สาเหตุ, หรือจุดประสงค์ต่าง ๆ เช่น A
cat under the table. มีแมว 1 ตัวอยู่ใต้โต๊ะ “Under” เป็นบุพบทที่เราบอกถึงตำแหน่งของสถานที่
ซึ่งเราอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างคำนาม(Noun) คือ
คำว่า “cat” กับคำนาม(Noun) คือ คำว่า “table” ตัวอย่างของคำบุพบทที่ใช้ทั่วไปคือ in,
on, at, under
7.
คำสันธาน (Conjunction) คือ เป็นคำเชื่อมที่ใช้เชื่อมคำต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น คำเชื่อมคำ
วลีเชื่อวลี หรือประโยคเชื่อมประโยค เพื่อที่ว่าให้ ประโยคนั้นมีใจความติดต่อกัน
เช่น He came here, when I was sleeping. “When” แปลว่าเมื่อ
เป็นคำที่เราใช้เชื่อมประโยคต่อประโยค หรือ He and I are friends.
“and” แปลว่า และ เป็นคำสันธานที่เราใช้เชื่อสรรพนาม(Pronoun) กับสรรพนาม(Pronoun) เข้าด้วยกัน ในประโยค
ตัวอย่างขงคำสันธานที่เรามักนิยมใช้ได้แก่ and, but, nor, so, when
8.
คำอุทาน (Interjection) เป็นคำที่เราเปล่งเสียงออกมาลอย ๆ ที่เราใช้แสดงความรู้สึกดีใจ เสียใจ
ตกใจ หรือ ประหลาดใจ คำอุทานจะไม่เกี่ยวข้องกับคำใด ๆ ในประโยคเลย
คำอุทานที่เรานิยมใช้กันอยู่ เช่น Wow!, Yes!, Oh!, Hey!, Alas!, Ah!,
Obb! คำเหล่านี้เป็นคำอุทานทั้งนั้น ซึ่งเมื่อเราเขียนคำอุทานในประโยคแล้วเราจะต้องใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) ในประโยคทุกครั้ง
เนื้อหาในบทความนี้มีที่มาจากหนังสือ “สุดยอด TENSES” โดยอาจารย์จามจุรี
ซึ่งผู้เขียนบล็อกเห็นว่ามีเนื้อหาค่อนข้างเข้าใจง่าย อธิบายไม่กำกวม
สั้นได้ใจความ จึงได้นำมาลงในบล็อกเผื่อผู้ที่ต้องการความรู้เกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ
ของคำดังที่นำเสนอข้างบน
*หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับพกค่ะเล่มเท่าผ่ามือเอง
เนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย ราคาไม่ถึงร้อย แนะนำให้ซื้อพกพาไว้อ่านเล่นค่ะ หาได้ในจ้า www.skybook.co.th (ผู้เขียนบล็อกไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการขายค่ะ
โฆษณาแนะนำสำหรับคนสนใจหนังสือเฉย ๆ นะคะ อิอิ)
Cr. หนังสือ สุดยอด Tense
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น