Present
Continuous Tense เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด
โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเวลาที่พูด และยังเกิดต่อไปอีกเล็กน้อยหลังจากที่พูดจบ
หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการกระทำอันหนึ่งกำลังดำเนินดำเนินอยู่ในขณะที่พูด
โครงสร้างของ Present
Continuous Tense หรือ Present
Progressive Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูดหรืออาจกำลังดำเนินอยู่
- Don’t
take the CD player away : I am still listening it.
2. ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำซากจนเป็นนิสัยที่ก่อให้เกิดความรำคาญกับบุคคลอื่น
เช่น
- I
can’t see you this morning because I am going out.
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น
- Peter
is always talking in class.
4. มักจะมีคำบอกเวลาในอนาคตที่ใช้กับ
Present
Continuous อยู่ในประโยค เช่น Now, at present, at this
moment, today
นอกจากนี้ผู้อ่านจะพบกับข้อยกเว้นบางอย่าง คือ
จะมีกริยาบางตัวที่ไม่สามารถใช้กับ Present Continuous ได้ คือ
1. กริยาที่เกี่ยวกับการรับรู้
คือ
see hear smell feel
taste notice observe recognize
เช่น
- I
feel very cold. Please turn off the air condition.
2.
กริยาที่เกี่ยวกับการรับรู้ ได้แก่
hate like dislike love
admire care respect prefer
desire forgive refuse want
wish hope
- I
hate the snake very much.
- Mike
desire to go to England for study.
3. กริยาที่แสดงความเป็นเจ้าของ
ได้แก่
belong have owe own possess
เช่น
- That
book belongs to me.
4. กริยาที่เกี่ยวกับความรู้
ความคิด ความหวัง หรือ การสงสัย ได้แก่
believe recognize forget think
remember seem know suppose
look desire realize understand
เช่น
- I
know the plan to go to Songkha before my sister.
ต่อไปนี้คือการอธิบายเกี่ยวกับ
verb
to be ที่ใช้คู่ประธาน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ Present
Continuous ที่น้อง ๆ ควรจะทราบ
หลักการใช้ verb
to “be” คู่ประธาน
verb to “be”
|
ประเภทของประธาน
|
is
|
- ประธานที่เป็นคำนามเอกพจน์
เช่น a
man the girl
- ประธานที่เป็นสรรพนามเอกพจน์
คือ he,
she, it
|
am
|
-
ประธานที่สรรพนามเป็น I
|
are
|
- ประธานที่เป็นคำนามพหูพจน์
เช่น the
women, the children
- ประธานที่เป็นสรรพนามพหูพจน์
คือ you,
we, they
|
ใน Present Continuous นี้
ผู้อ่านสามารถเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคคำถามและปฏิเสธ โดยมีวิธีการทำได้
ดังนี้
1.
ประโยคคำถาม จะต้องนำ verb to be (is, am,
are) มาไว้หน้าประธาน เช่น
-
That
boy is crying --- > Is
that baby crying?
-
I
am smiling, --- >
Are you smiling?
-
They
are gardening. --- > Are
they gardening?
2.
ประโยคปฏิเสธ ทำได้โดยการเติม not หลัง
verb to be เช่น
- That baby is crying. --- > That baby is not crying
- I am smiling. --- > I am not
smiling.
-
They
are gardening. --- > They
are not gardening.
*ในการตอบคำถามของประโยคคำถามชนิดนี้
จะต้องตามด้วย Yes
หรือ
No เสมอ
ผู้เขียนบล็อกหวังว่าความรู้จากบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่สนใจค่ะ
Cr. หนังสือ สุดยอด Tesnse
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น