Present Perfect Tense เป็น
Tense ที่อธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตที่ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
โครงสร้างของ
Present Perfect Tense
1.
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและคงกระทำอยู่ในขณะที่พูด
เช่น
-
Anna has worked in our company for over ten years and we should
be very sorry to lose her.
2.
เราจะใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตโดยไม่ได้ระบุเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
แต่จะมีคำบ่งบอกเวลาในอดีตที่ไม่เจาะจงปรากฏอยู่ในประโยค ได้แก่
already just often always
before yet recently lately
เช่น
-
Pook
has just the finished his breakfast.
-
We
have already cleaned our bedroom.
3.
ใช้ในเหตุการณ์ปัจจุบันซึ่งเป็นผลของอดีต เช่น
-
Palm
begun to drink alcohol only twelve years old.
-
He
had now become alcoholism.
4.
สามารถใช้กับ ever, never เช่น
A : Have you ever been to Thailand?
B : Yes, I have. / Yes, I have been there.
No,
I never have. / No, I have never been there.
5.
ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์และเชื่อมด้วย
when, until, if, unless เพื่อใช้เน้นถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่จะสิ้นสุดลงก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น - Please call to me
after you have arrived at your home.
6.
สามารถใช้คำเหล่านี้ใน Present Perfect
เช่น – This is the second time I have been to Phuket.
7.
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตและมีผลต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งในเหตุการณ์นี้จะมีคำว่า “since” และ “for” ปรากฏอยู่ในประโยค
ซึ่งมีหลักการใช้ดังต่อไปนี้
-
“for”
เราจะใช้เพื่อบอกว่าช่วงของเวลาที่เหตุการณ์เกิดมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
-
“since”
เราจะใช้เพื่อบอกจุดของเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดและมีผลต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
เช่น
-
We
have lived here for nine years.
-
Joy
has worked here since 2000.
เรามีหลักการใช้
verb
to “have” ให้กับคู่ประธานใน Present Perfect มาอธิบายให้ผู้อ่าน
ได้เข้าใจกันดังนี้
verb to “be”
|
ประเภทของประธาน
|
has
|
- ประธานที่เป็นคำนามเอกพจน์
เช่น a
girl, the dog
- ประธานที่เป็นสรรพนามเอกพจน์
คือ he,
she, it
|
have
|
- ประธานที่เป็นคำนามพหูพจน์
เช่น the
birds, the animals
- ประธานที่เป็นสรรพนามพหูพจน์
คือ you,
we, they
- ประธานที่เป็นสรรพนาม
คือ I
|
ในประโยค Present
Perfect Tense
นี้ผู้อ่านสามารถทำประโยคบอกเล่าให้เป็นนประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธได้ ดังนี้
1.
ประโยคคำถาม สามารถทำได้โดย นำ have หรือ
has มาไว้หน้าประธาน
-
He
has worked here since 1990. ---
> Has he worked here since 1990?
-
I
have sat here for two hours. ---
> Have you sat here for two hours?
นอกจากคำถามชนิดนี้แล้วจะพบว่า
มีการเติมคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
“yet” ไว้ท้ายประโยคคำถามเพื่อให้คำถามนั้นกระชับมากยิ่งขึ้น เช่น
Have you had lunch yet?
เมื่อคำถามมี yet เติมท้ายประโยค
เพื่อให้ได้ใจความชัดเจนขึ้นนั้น ประโยคคำตอบก็จะมี Adverb “just” มาแทรกระหว่าง have และ V.3 เพื่อเน้นให้เห็นว่าการกระทำนั้นพึ่งจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น
ๆ ก่อนที่จะมีการพูดถึงเหตุการณ์นั้นขึ้นมา
และคำตอบชนิดนี้จะจะมีลักษณะเป็นการโต้ตอบคำถามที่ถามมา เช่น
-
Have
you had lunch yet?
Yes,
I have just come from the cafeteria.
2.
ประโยคปฏิเสธ ทำได้โดยเติม not ข้างหลัง
have หรือ has
Willy
has passed many examination. ---
> Willy has not passed examination.
She
has worked here since 2001. ---
> She has not worked here
since 2001.
รูปย่อของ Have
not = Haven’t
Has
not = Hasn’t
ผู้เขียนบล็อกหวังว่าความรู้จากบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่สนใจค่ะ
Cr. หนังสือ สุดยอด Tesnse
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น